แหล่งท่องเที่ยวดูไบ
หมู่เกาะต้นปาล์ม


หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali
อาคารเบิร์จดูไบ


หรือในปัจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "เบิร์จ คาลิฟา" (Burj Khalifa) หรือชื่อเต็มๆว่า "ชีค คาลิฟาร์ บิน ซาย์เอ็ด อัล-นาห์ยัน ทาวเวอร์" ซึ่งตั้ง ชื่อตามประธานาธิบดีของ UAEเพื่อเป็นการให้เกียรติในฐานะผู้นำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้นำของนครรัฐอาบู ดาบี
สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ฉันมองแล้วมีรูปทรงเรียวยาวแหลมสูงคล้ายจรวดแห่งนี้ เริ่มก่อสร้างขึ้นเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ของเมืองดูไบ เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2547 ออกแบบโดยเอเดรียน สมิธ สถาปนิกชาวชิคาโก ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกับผู้ออกแบบ วิลลิสทาวเวอร์ อาคารที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
เบิร์จ คาลิฟา สร้างแล้วเสร็จในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 า ด้วยความสูง 818 เมตร สูงกว่าอาคารไทเป 101เจ้าของสถิติเดิมถึง 309 เมตร ถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกใหม่ล่าสุดในขณะนี้ ไม่เพียงเท่านั้น เบิร์จ คาลิฟา ยังครองสถิติอาคารที่มีจำนานชั้นมากที่สุดคือ 162 ชั้นอีกด้วย
เบิร์จอัลอาหรับ


เป็นโรงแรมที่กล่าวว่าโรงแรมที่นี่นั้นเป็นแห่งเดียวที่เป็นโรงแรม 7 ดาว ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ Burj Al Arab ก็เป็นโรงแรมต้นแบบของโรงแรมต่างๆในดูไบ รวมทั้งโรงแรมต่างๆทั่วโลกด้วย
โรงแรมแห่งนี้ได้รับรางวัลต่างๆมากมายโดยเฉพาะโรงแรมที่ไฮโซ อลังการที่สุดในโลก เนื่องจากความหรูหราของสถานที่ แต่โรงแรมแห่งนี้ดูจะแพงมาก (มากๆ) ไปหน่อยสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ข้อแนะนำถ้าอยากได้วิวสวยๆของโรงแรมนี้หละก็ให้คุณไปที่โรงแรมตรงกันข้ามกับ Burj Al Arab ที่ตั้งอยู่ที่ Jumeirah Beach ซึ่งนั่นก็คือ Jumeirah Beach Hotel และนั่งอยู่ที่ระเบียงมุมที่มองไปเห็น Burj Al Arab คุณจะได้วิสัยทัศน์สุดยอดของโรงแรมที่กล่าวกันว่าดีและหรูหราที่สุดในโลก
ทะเลทรายซาฟารี


ทะเลทรายซาฟารีเป็นโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของชนเผ่าอาหรับซึ่งเร่รอนกลางทะเลทราย (เบดูอิน Bedouin) ที่ตอนนี้ไม่มีปรากฎให้เห็นแล้ว หลายๆบริษัทอาจจะแนะนำทัวร์ทะเลทรายให้คุณ แต่เพื่อความชัวร์คุณต้องเชคโปรแกรมดีๆว่า ไปกี่โมง กลับกี่โมง นอนค้างไหม หยุดพักที่ไหนบ้าง ซึ่งทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และ คุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป
คุณจะได้นั่งรถ 4 วีล ของทางบริษัทจนไปถึงที่ตั้งแค็มป์ ที่ออกแบบให้คล้ายๆกับยุคโบราณ ที่นี่คุณจะได้ลองสูบ hubbly bubbly (ที่บ้านเราเรียกกันว่า บารากุ นั่นแหละ) หรือได้ลองลิ้มชิมรสบาบีคิวกลางทะเลทราย ถ้าคุณต้องการผจญภัยคุณสามารถแล่นออกจากทางหลังไปดู เหยี่ยวบินโฉบไปมา และความกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายสีเหลืองอร่าม และเมื่อกลับไปที่เต๊นท์ในช่วงกลางคืนคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งเวทมนต์ (ฟังดูเว่อไปไหม) เมื่อคุณได้นั่งอยู่ท่ามกลางความมืด ดูดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ซึ่งนี่เป็นประสบการณ์ที่เชื่อเถอะคุณจะประทับใจและไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
น้ำพุยักษ์แห่งดูไบ


สุดอลังการและน่าตื่นเต้น ที่สำคัญ FREE!! ถ้าคุณได้ไป Vegas มา คุณอาจจะได้เห็นน้ำพุ Belaggio ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอลังการมาแล้ว แต่เชื่อไหมว่าที่เมืองดูไบนั้น ทำน้ำพุมาได้อลังยิ่งกว่าเยอะ ทั้งสูงกว่า ใหญ่กว่า เสียงดังนุ่มกว่า อารมณ์ประมาณว่ามานั่งดูน้ำพุอย่างเดียวก็อ้าปากค้างแล้ว ยิ่งไปในช่วงกลางคืน คุณจะยังได้เห็นแสงสีเสียงตระการตาจากการโชว์แสงไฟอีกด้วย
สวนสาธารณะของเมืองดูไบ


เนื่องจากเป็นเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นมาจากความมั่งคั่งของประชากรและรัฐบาล ที่ดูไบจึงได้มีสวนสาธารณะที่มีสีเขียวของต้นไม้ ดูเป็นระเบียบ และสะอาดแบบสุดๆ กระจายอยู่ทั่วทั้งตัวเมือง คุณจะต้องจ่ายค่าเข้า 5 AED สำหรับการเข้าสถานที่สาธารณะ ซึ่งคุณอาจจะไม่ชินที่จะต้องจ่ายค่าเข้าสถานที่แบบนี้ แต่เชื่อเถอะครับ เมื่อเข้าไปคุณจะได้พบกับความร่มรื่นสวยงามและความสงบ บางครั้งคุณจะชื่นใจด้วยบรรยากาศของครอบครัว เพราะทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ต่างมาผ่อนคลาย นั่งคุย หรือ ทำกิจกรรมร่วมกันแบบเป็นกันเอง โดยที่สิ่งของมีค่าต่างวางไว้ตามพื้นโดยไม่ต้องกลัวใครจะมาขโมย ซึ่งทำให้สวนสาธารณะของดูไบเป็นแหล่งท่องเที่ยวดูไบที่ให้คุณได้มากกว่าคำว่าสวนสาธารณะจากประเทศอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น